วันอังคารที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

หอนางอุษา



หอนางอุษา
หอนางอุษา ตั้งอยู่ที่บริเวณภูพระบาทบัวบก อำเภอบ้านผือ จังหวัดอุดรธานี ลักษณะเป็นก้อนหินโดดๆ มีฐานใหญ่ข้างล่างคอดเป็นเสาตอนกลาง และบานออกเป็นแท่นตอนบน
ลักษณะที่ปรากฏนี้เกิดจากการทำลายชะกร่อนโดยธรรมชาติ หอนางอุษานี้ประกอบด้วยชั้นหินที่มีความต้านทานต่อการทำลายชะกร่อนไม่เท่ากัน ชั้นบนเป็นหินที่แข็งกว่าชั้นกลาง จึงทำหน้าที่เป็นเสมือนหมวกเหล็กป้องกันการชะกร่อนโดยน้ำฝน แม้กระนั้น ส่วนกลางซึ่งเป็นหินที่แข็งน้อยกว่าก็ยังถูกชะกร่อนทำลายไปจนเหลือเป็นแท่งเล็กกว่าเช่นกัน จึงยังเหลือจากการทำลายชะกร่อนใหญ่กว่า และหอนางอุษานี้ยังอยู่ในสภาพสมดุลที่จะคงอยู่ในสัณฐานนี้ได้
หอนางอุษาประกอบด้วยหินแข็งที่มีชั้นหินแข็งที่แตกต่างกัน การทำลายชะกร่อนโดยธรรมชาติยังจะคงดำเนินต่อไป แต่การเปลี่ยนแปลงรูปร่างจะเป็นไปอย่างช้ามาก ในช่วงอายุคนอาจยังไม่เห็นการเปลี่ยนแปลงรูปหอนางอุษา จึงเหมือนหนึ่งเป็นสิ่งคงทนถาวรในธรรมชาติตลอดไป
ในประเทศไทยได้พบลักษณะการเกิดสัณฐานเป็นรูปร่างต่างๆ กัน เช่นเดียวกับการเกิดหอนางอุษา แต่พบเกิดจากชั้นกรวดทรายที่ยังไม่จับตัวกันเป็นหินแข็งเต็มที่ เป็นชั้นกรวดทรายที่เริ่มจะจับตัวกันเป็นหินแข็ง เรียกว่าเป็นชั้นกรวดทรายกึ่งหิน (Semi-consolidated beds) การเกิดก็พบว่าเกิดจากการที่มีชั้นกรวดทรายกึ่งหินที่แข็งกว่าปิดอยู่ ชั้นบนทำหน้าที่เสมือนหมวกเหล็กคุ้มกันชั้นกรวดทรายที่อ่อนกว่าข้างใต้ ทำให้เกิดเป็นรูปร่างต่างๆ เช่น เหมือนเจดีย์เรียงรายกัน พบที่ข้างทางสายหล่มสัก-ชุมแพ ในช่วงใกล้ๆ อำเภอหล่มสัก จังหวัดเพชรบูรณ์ เหมือนครีบเหมือนหน่อที่ข้างทางสายแม่สะเรียง-แม่ฮ่องสอน พบเป็นแท่งเหมือนเสา ซากสลักหักพังของสิ่งก่อสร้างโบราณที่แพะเมืองผี จังหวัดแพร่ ที่ฮ่อมจ๊อม จังหวัดน่าน
น่าเสียดายว่ารูปร่างสัณฐานเหล่านี้เกิดจากกรวดทรายกึ่งหิน การถูกทำลายชะกร่อนโดยธรรมชาติจึงเกิดขึ้นรวดเร็วกว่าลักษณะของหอนางอุษาเป็นอันมาก อาจเห็นการเปลี่ยนแปลงในปีหนึ่งๆ ก็เป็นไปได้
หอนางอุษา อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น